แอ่วดี ตอน ม่อนเงาะ..ใครว่าไกล ไปมา(แล้ว)

img_1989a

     หากอยากไปเที่ยวดอย ชมวิว นอนเต็นท์ ดูดาว ถ่ายทะเลหมอก ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่นัก ประมาณ 65 กิโลเมตร ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน นั่นคือ “ม่อนเงาะ(Mon-Ngo)”

การเดินขึ้นเขาชมวิวไม่หนักหนาจนเกินไปนัก สำหรับมือใหม่หัดเดินเขาอย่างเรา ด้วยอากาศที่เย็นสบายและภาพภูมิทัศน์อันสวยงามตรงหน้า  บอกได้เลยว่า คุณจะจำม่อนเงาะไปอีกนานแสนนาน

พร้อมกันนี้เรายังได้ ดูผลิตผลจากโครงการหลวงแม่หลอดและโครงการหลวงม่อนเงาะ ตามพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 และยังได้เห็นถึงพระอัจฉริยะภาพและสายพระเนตรอันกว้างไกลของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ทำเพื่อประชาชนชาวไทยที่อยู่ห่างไกลอย่างแท้จริง

img_1506an

img_1513a

img_1518a

img_1520a

img_1516a

                เริ่มต้นการเดินทางไปโครงการหลวงแม่หลอด แหล่งรวบรวมสายพันธุ์กาแฟอาราบิก้าชั้นดี ที่โครงหลวงแม่หลอด อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่(ใช้ถนนเส้นเชียงใหม่-ปาย เลยปากทางเข้าโครงการหลวงม่อนเงาะ ที่โรงเรียนสบเปิงวิทยาคม ไปประมาณ 2 กิโลเมตร เส้นทางเดียวกับทางเข้าน้ำตกหมอกฟ้า สังเกตป้ายด้านซ้ายมือ)

img_1592a

img_1566a

img_1531a

img_1532a

img_1582a

โครงการหลวงแม่หลอด นอกจากจะมีการทดลองปลูกกาแฟแล้ว  ยังมี  ซุกินีเหลือง, ฟักจานบิน, ออริกาโน่, ไชร์, มะเขือ, พริกไทย ซึ่งในอดีตชาวเขานิยมปลูกฝิ่นกันเป็นจำนวนมาก แต่เพราะโครงการหลวง จึงทำให้ชาวเขาหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจแทน กระจายรายได้ที่ยั่งยืนสู่ชุมชน  เพราะมีรายได้ดีกว่าและถูกกฎหมาย

img_1604a

img_1530a

img_1551a

img_1618a

         สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เป็นนักดื่มกาแฟชนิดแฟนพันธุ์แท้ ก็สามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการหลวงแม่หลอดได้ เพราะเราจะเห็นถึงขั้นตอนของการผลิตกาแฟ ว่ากว่าจะมาเป็นกาแฟให้เราได้ชิมกันทุกวันนี้ มีหลากหลายขั้นตอน แล้วที่สำคัญนักท่องเที่ยวจะได้มีโอกาสชิมกาแฟสด(ผลสีแดง) ซึ่งมีรสชาติหวานไม่ได้ขมเหมือนกาแฟที่คั่วแล้ว ถ้าหากนักท่องเที่ยวที่อยากจะมาท่องเที่ยวเชิงเกษตรและชิมกาแฟหอมกรุ่นพร้อมกับสัมผัสอากาศเย็นสบาย ที่นี่ยังมีบ้านพักรับรองสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

img_1628a

                โครงการหลวงแม่หลอด มีห้องพักรับรองแบบเป็นกลุ่มคณะ 1 ห้องนอนใหญ่ 20-30 คน คนละ 150 บาท ห้องพักสแตนด์ดาร์ด (สร้างใหม่) ราคา 800 บาท ภายในบริเวณที่พักยังมีร้านอาหารและร้านขนม กาแฟ ให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย  ไม่ห่างไปจากโครงการหลวงแม่หลอดนัก มีน้ำตกหมอกฟ้า ซึ่งอยู่ระหว่างทางมาโครงการหลวงแม่หลอด สามารถจอดรถได้ที่ทำการอุทยาน แล้วเดินเท้าเข้าไปไม่ไกลนักประมาณ 200 เมตร  ภาพยนตร์ดังๆหลายเรื่องเคยมาถ่ายทำยังสถานที่แห่งนี้  ว่ากันว่าน้ำตกมีความสูงและมีสีเขียวเหมือนมรกตสวยงาม จึงได้ชื่อว่า “น้ำตกหมอกฟ้า”

img_1505

img_1664a

หลังจากนั้นเราได้ย้อนกลับมาทางโรงเรียนบ้านสบเปิง เพื่อเยี่ยมชมอีกหนึ่งโครงการ คือโครงการหลวงม่อนเงาะ ต.เมืองก๋าย จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากโครงการหลวงแม่หลอด ผลิตผลที่ขึ้นชื่อของที่นี่ คือ ฟักทองเรียงแถว(บังคับปลูกไปในทิศทางเดียวกัน) เห็ดหลินจือ, ชา, พลับ, พลัม  แต่หากจะเข้าไปดูฟักทองเรียงแถว ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากโครงการหลวงม่อนเงาะประมาณ 40 นาที โดยต้องใช้รถ 4W ถนนค่อนข้างสูงชันและเป็นดินลูกลัง นักท่องเที่ยวที่อยากเข้าชม สามารถติดต่อรถได้ที่เจ้าหน้าที่โครงการหลวง เพื่อความปลอดภัย และยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยงามให้เราได้เยี่ยมชม นั่นคือ ไร่ชาลุงเดช  จิบชาอันหอมกรุ่น พร้อมฟังเรื่องราวกว่าจะมาเป็นชาชั้นดีของที่นี่  สามารถปรึกษาข้อมูลการเดินทางได้ที่สำนักงานโครงการหลวงม่อนเงาะ

img_2141a

15310810_1208437485885432_1782492511_o

15398926_1208441835884997_973021278_o

15322454_1208445262551321_1146334995_o

img_2285a

img_2296a

img_2238a

img_2282a

img_1719a

จุดที่น่าสนใจของที่นี่ ที่เป็นเป้าหมายสำหรับนักท่องเที่ยวคงไม่พ้น  “จุดชมวิวม่อนเงาะ” ที่มาของชื่อม่อนเงาะ ไม่ใช่เพราะที่นี่ปลูกเงาะ แต่เพราะที่นี่มีลักษณะเป็นหินผาเรียงกันอยู่สามลูก มี ผาลูก ผาพ่อ ผาแม่ ในอดีตม่อนเงาะ เรียกโดยคนท้องถิ่นว่า “โม่งโง๊ะ” ที่แปลว่า” แม่” ในภาษาม้ง จึงเรียกเพี้ยนมาเป็น ม่อนเงาะ จนถึงปัจจุบัน การเดินทางมาที่นี่ไม่ลำบากเท่าไหร่ เหมาะสำหรับรถที่มีกำลัง หรือ รถกะบะ ที่สำคัญต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง  เพราะถนนค่อนข้างแคบและมีดินลูกลัง ฤดูฝนจึงไม่เหมาะนักสำหรับที่นี่ ฤดูที่เหมาะแก่การชมความงามควรเป็นฤดูหนาว ตลอดเส้นทางจะผ่านหมู่บ้านที่ยังคงอนุรักษ์ความเป็นบ้านของทางภาคเหนือไว้อย่างสวยงาม และยังมีโฮมสเตย์ ให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

img_1826nn

img_1829a

img_5057an

img_5067an

หากใครไม่ชำนาญเส้นทางนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อรถ ได้ที่โครงการหลวงม่อนเงาะ ราคารถประมาณ  800 บาท (แต่เป็นรถกะบะมีโครง  ไปได้หลายคน สนุกไปอีกแบบหนึ่ง อารมณ์เหมือนเราเป็นชาวสวนกำลังจะไปเก็บส้ม) แต่ถ้าขับรถขึ้นไปเอง จะมีจุดลานจอดรถให้บริการ แต่ก็ไม่กว้างเท่าไหร่นัก จอดรถได้ประมาณ 20 คัน แล้วเดินเข้าไปจุดกางเต็นท์ประมาณ 50 เมตร

img_2055an

การมาชมยอดดอยม่อนเงาะ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินขึ้นมาตามไหล่เขาประมาณ  200 เมตร จะเป็นทางแคบๆ แต่ไม่ต้องกลัว เพราะทางสถานที่เขาได้จัดเขตไม้กั้นไว้ เพื่อแสดงจุดปลอดภัย  การเดินมาจุดนี้ควรใส่รองเท้าผ้าใบเดินเป็นดีที่สุด เดินเหงื่อออกพอประมาณ เหมือนจะไม่ไกล แต่ทำเอาเราหอบเล็กน้อย แต่เมื่อมาถึงจุดยอดของดอยม่อนเงาะ ความเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะภาพความงดงามของธรรมชาติอันสวยงามที่อยู่ตรงหน้าเราใกล้แค่เอื้อม

img_1889aa

img_1839a

img_2106a

ยิ่งมาช่วงพระอาทิตย์ตกดินมันช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ มองจากจุดยอดดอยม่อนเงาะ สามารถเห็นผืนป่าแม่แตง และ ดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งก็เป็นอีกดอยที่เราใฝ่ฝันที่จะไปพิชิตให้ได้  จุดชมวิวมี 2 แห่งคือจุดชมวิวด้านบนสุด จะมีป้ายไม้ม่อนเงาะ ติดอยู่ ส่วนอีกด้าน จะเป็นจุดชมวิวทางเดินเล็กๆที่เป็นหินปูนยื่นออกไป นักท่องเที่ยวควรเดินด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากหินมีความคม และเป็นหน้าผาสูงชัน ทำเอาเราขาสั่นเพราะกลัวความสูง มีทั้งความอยากเก็บภาพความงดงามตรงหน้า และความกลัวที่แทบจะไม่อยากขยับตัว  แต่ในที่สุดเราก็รวบรวมความกล้า เก็บภาพความงดงามมาได้สมใจ ชมภาพความงาม จนแทบจะไม่อยากลงมา

img_5058an

img_1812a

img_1814a

เดินลงมาจากเขาเราก็ช่วยกัน กางเต็นท์และทำอาหาร ในส่วนของอาหาร เราควรเตรียมมาเองหรือใครที่อยากจะชิมอาหารท้องถิ่น(อาหารม้ง) สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานโครงการหลวงม่อนเงาะ เมนู อาทิเช่น ไก่ต้มสมุนไพร ยำยอดใบ ชา

image00036

พร้อมกันนี้เรายังสามารถก่อแคมป์ไฟ คลายหนาวได้อีกด้วย ดึกๆอากาศที่นี่จะค่อนข้างหนาว ทางที่ดีเราควรเตรียมผ้าพลาสติกคลุมเต็นท์อีกที เพราะในตอนกลางคืนน้ำค้างที่นี่จะค่อนข้างมากพอสมควร

img_2000a

กิจกรรมในยามค่ำคืนกลางป่าเขาลำเนาไพรแบบนี้ ที่จะขาดไม่ได้ คือ ดูดาว จะนอนดูหรือนั่งดูก็ไม่ว่ากัน  ที่นี่มีทั้งดาวบนฟ้าและดาวบนดิน เราจะเห็นดาวเต็มท้องฟ้าและดาวจากดินคือดาวจากแสงไฟในตัวเมืองเชียงใหม่ แทบไม่น่าเชื่อว่า วิวสวยงามขนาดนี้จะอยู่ไม่ห่างไกลเลยจากตัวเมืองเชียงใหม่  สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบถ่ายภาพ จากที่นี่สามารถมองเห็นทางช้างเผือกได้ สวยงามประทับใจ

img_5062an

img_5077an

img_5050an

img_2096a

ตื่นมาในยามเช้า นอกจากเราจะได้สัมผัสกับความหนาวเย็นแล้ว เรายังได้เห็นคลื่นทะเลหมอกอันสวยงาม พร้อมกับพระอาทิตย์ยามเช้าที่ทอแสงอ่อนๆ ให้ได้เห็น ไกลๆ

image00025

ดื่มด่ำกับภาพวิวตรงหน้า พร้อมกับจิบกาแฟคั่วสด(แบบบดมือ)กาแฟสไตล์ม้ง ไม่ต้องมีเครื่องทำหรูหราราคาแพง ทำง่ายๆแต่ก็อร่อย บางทีอาจจะอร่อยกว่ากาแฟเจ้าดังๆในเมืองซะอีก นั่งจิบกาแฟหอมกรุ่นพร้อมชมวิวทะเลหมอก บอกได้เลยว่า สุขกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  บางครั้งความสุขอาจจะไม่ต้องมีสิ่งปรุงแต่งมากมาย แต่อาจจะมาจากสิ่งง่ายๆที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา มาเที่ยวกันแล้วจะรู้ว่าที่เราพูดไม่ได้ไกลเกินจริงเลย

img_5127an

img_5130an

img_5132an

img_5140an

img_2113an

img_2122a

ในด้านของสิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่มีให้ คือ ห้องน้ำมีให้บริการแยกชาย หญิง พร้อมห้องอาบน้ำ แต่ยังไม่มีไฟ เราควรเตรียมไฟฉายไปด้วย นอกจากนี้ ถ้าเราโชคดีอาจจะได้เห็น “เลียงผา” ตัวเป็นๆอีกด้วย เราได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ในวันถัดมาว่า พบรอยเท้าเลียงผา บริเวณจุดลานกางเต็นท์

img_5138an

img_2153a

ท้ายสุดนี้การท่องเที่ยวป่าเขาชม ความงามจากธรรมชาติ เราควรให้ความเคารพยังสถานที่เพื่อให้ความงามนี้ยังคงอยู่กับเราไปนานจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ไม่ทิ้งและไม่เก็บอะไรไป เก็บไว้แต่ความประทับใจและภาพถ่ายที่สวยงามกันค่ะ

img_2220a

อัตราค่าบริการ ณ ม่อนเงาะ

ค่าบำรุงสถานที่                                                     30 บาท/คน

ค่าเช่าเต็นท์                                                            300 บาท/หลัง

ค่าที่กางเต็นท์                                                        150 บาท/หลัง (ในกรณีที่นำเต็นท์มาเอง)

ค่าที่จอดรถยนต์                                                    40 บาท/คัน (ในกรณีที่พักค้างคืน)

ค่าที่จอดรถมอเตอร์ไซค์                                       10 บาท/คัน (ในกรณีที่พักค้างคืน)

 ติดต่อสอบถาม

คุณสุรพงษ์ (ประธานกลุ่มการท่องเที่ยวม่อนเงาะ) 085-7246364

คุณสุทัศน์ (ไกด์ท้องถิ่นบ้านเหล่า) 081-0227480

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ 053-228115

สถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติม

  • วิถีชีวิตเผ่าม้ง และ ประเพณีการกินวอ ซึ่งจะตรงกับขึ้น 1 ค่ำ ของเดือนมกราคมของทุกปี
  • เงือกผา เป็นหินงอกที่มีลักษณะคล้ายกับนางเงือกหันหน้าเกาะผาอยู่
  • บ่อน้ำทิพย์ เป็นแอ่งน้ำซึมตลอดทั้งปี ชาวบ้านมีความเชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคให้หายขาดได้
  • เลือดผา มีอยู่บริเวณซอกผา ชาวบ้านมีความเชื่อว่า สามารถใช้รักษาโรคได้เช่นกัน
  • ถ้ำลม ลักษณะของถ้ำคือ จะมีลมไหลออกจากถ้ำตลอดเวลา รู้สึกได้ชัดเจนเมื่อเรายืนอยู่บริเวณปากถ้ำ

เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยจากแอ่วดี

  • ในการนอนค้างคืนยังจุดชมวิวม่อนเงาะ อากาศค่อนข้างหนาวในตอนกลางคืน ควรเตรียมเครื่องนุ่งห่มกันหนาวมาด้วย
  • การเดินเท้าไปยังจุดชมวิว มีบางจุดที่แคบและสูงชันควรเดินด้วยความระมัดระวัง
  • จากปากทางเข้าไปยังม่อนเงาะ ยังไม่มีร้านอาหารและร้านขายของมากมายนัก นอกจากร้านค้าชาวบ้าน ควรเตรียมเผื่อไปด้วยค่ะ
  • ไฟฉาย คือสิ่งที่ควรเตรียมไปด้วยเนื่องจากห้องน้ำที่นี่ยังไม่ติดไฟค่ะ

 

ภาพและบทความ ปาณิสรา นฤประชา, ใหญ่ สรวิชญ์

ขอบคุณภาพเพิ่มเติมจาก คุณ Niwath Sermma(ยักษ์ใจดี)

 

 

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น