วัดนาริตะซัง ชินโชจิ แห่งเมืองนาริตะ

“วัดนาริตะซัง ชินโชจิ” วัดเก่าแก่อายุกว่าพันปีแห่งเมืองนาริตะ..บินลัดฟ้าไปไกลกว่า 4,400 km. แอบไปส่องวัดวาอารามของเค้าดูว่าจะเหมือนบ้านเราไหม..อิอิ

ด้วยความอลังการ ใหญ่โตและเนื้อที่ที่ค่อนข้างกว้างมากๆของวัด ทำเราแทบจะวิ่งไปถ่ายไป..ก็ทัวร์เค้าให้เวลามาเท่าเน้ 1 ชั่วโมง(ถ่ายยังไม่ทันครบ) แต่ทำเอาลิ้นห้อย(ไม่ใช่โฮ่ง) 5555

หากนั่งเครื่องบินมาลงยังสนามบินนาริตะ สามารถมาเที่ยววัดนี้ได้ไม่ยากคะ เพราะอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนัก..
#อ่านรีวิวต่อใต้ภาพ

>>ชอบกด Like & Share ถือเป็นกำลังใจเล็กๆคะ จะได้พาไปแอ่วกันตลอดไป<<

#แอ่วดีReview
www.aewdee-review.com

#เที่ยวญี่ปุ่น#่JAPAN#NARITASANSHINSHOJITEMPLE#สนามบินนาริตะ#เที่ยววัดญี่ปุ่น

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเรา ที่มาเยือนยังเมืองที่มีวัฒนธรรมและการดำรงชีวิตที่ไม่ธรรมดา แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นและใส่ใจแห่งนี้ “JAPAN”

นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวโดยการมากับบริษัททัวร์ การท่องเที่ยวกับทัวร์ ก็มีข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ ไม่ต้องเหนื่อยวางแผนการเดินทางเอง ข้อเสียคือ มีเวลาในแต่ละสถานที่จำกัด อาจจะขัดใจคนที่ชอบถ่ายรูป(เช่นเรา) ถ่ายไปวิ่งไป 5555
ในวันที่เราเดินทางมาเยือน ถือได้ว่าอากาศหนาวม้ากกก..พอได้ยินคำพูดของไกด์ว่า มีเวลาให้เดินชมวัดได้ 1 ชม(เท่านั้น) สำหรับเรายังกะ คำตัดสินของกรรมการที่ให้เข้าลู่วิ่ง… 1 2 3 เตรี้ยมมม…วิ่งงงงงง 555
คือยืนตะลึงในความงาม แต่ก็ต้องบริหารเวลาในแต่ละจุด อยากจะหยุดดูนานๆ แต่มันไม่ได้ ไม่งั้นจะเก็บภาพไม่หมด ลมก็แรง..ตีจนหัวยุ่ง จมูกแดงเพราะอากาศหนาวมาก เสื้อฮีตเทคกันหนาวที่ใส่มาด้านใน เริ่มเหงื่อซึมเพราะวิ่ง พอถอดเสื้อกันหนาวชั้นนอกออก ก็หนาวอีก..เห้อ!!งงกะตัวเอง 555
มาๆ เข้าเรื่อง..วัดนาริตะซัง ชินโชจิ แห่งนี้ เป็นวัดที่มีความเก่าแก่อยู่คู่กับเมื่องนาริตะ มาอย่างยาวนาน ด้านหน้าทางเข้าเราจะเห็นโคมแดง ใหญ่โต มีน้ำหนักมากกว่า 800 กิโล ได้มาจาก จากตลาดปลาสึคิจิ (Tsukiji Fish Market) ซึ่งใครมายังวัดแห่งนี้ ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพจุดนี้ไว้เป็นที่ระลึก
เดินเข้ามายังด้านใน ต้องเดินขึ้นบันได พอเหนื่อยนิดหน่อย
ก็จะพบกับเสาหินตลอดสองข้างทาง ต้องบอกก่อนว่า วัดที่เมืองจีน ญี่ปุ่นมีความคล้ายคลึงกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือ ต้องเดินผ่านประตูหลายชั้น กว่าจะถึงยังด้านใน
ระหว่างทางจะมีศาลเจ้าเล็กๆ ซึ่งคุณยายชาวญี่ปุ่น ได้มากราบไหว้ขอพร
การไหว้พระขอพร ของที่นี่ก็แตกต่างจากบ้านเรา นั้นก็คือ ต้องล้างมือก่อน ถือว่าต้องชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีออกไป ด้วยการ ล้างมือซ้าย ตามด้วยมือขวา และบ้วนปาก น้ำที่นี่เย็นและสะอาดมาก ใช้ดื่มกินได้ค่ะ
หลังจากทำตามธรรมเนียมเรียบร้อย ก็เดินเข้ามาชมยังด้านใน
อาคารที่เห็นเรียกว่า daihondou ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นเทพเจ้าฟูโดเมียว ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญๆ
เจดีย์สูงมีหลังคาหลายชั้น เรียกว่า Sanjunotou ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1712 มีความสูง 25 เมตร สร้างขึ้นในยุคสมัยเอโดะ
วัดมีความกว้างมาก เรียกได้ว่าเที่ยวทั้งวันได้ไม่มีเบื่อ

ด้านหลังของวัดจะมีทางเชื่อมไปยังสวน และสถาปัตยกรรมที่สวยงามอีกมากมาย ถ่ายรูปได้สวยงามทุกจุดค่ะ
และที่นี่ยังมีศาลเจ้าของเทพเจ้าแห่งความรัก คือ ไม่มีใครบอก เลยไม่ทันได้อธิษฐานอะไรเล้ย กะจะขอผู้แบบคุณพี่หมื่นสักหน่อย..ไม่ทันซะและ #โสดต่อไปนะ 5555

เดินมาสุดทางเดินจะพบกับสวนสไตล์อังกฤษ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “Heiwa no Daitou” หรือหอคอยแห่งสันติภาพ สร้างขึ้นในปี 1984

การมาเที่ยวเมืองนาริตะในครั้งนี้ ได้มาเห็นศิลปะและวัฒนธรรมที่สวยงาม ทำเราชื่นใจได้ไม่น้อย ติดตามท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นตอนต่อไปได้นะคะ..เร็วๆนี้ค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น