แอ่วเมืองป้าว(พร้าว) หนาวนี้ก็ฟินนะ!!

แอ่วดีReview ได้มีโอกาสตามทริปไปกับ โครงการ “การพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว” คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อการวิเคราะห์ปรับปรุง บูรณาการ เสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ภายใต้โครงการ “การพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว” ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักเพื่อพัฒนาศักยภาพชุมชนให้เป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว ของบ้านหนองครก ตำบลสันทราย อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ 

การเดินทางไปเยือนยังเมืองพร้าวในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสใกล้ชิดกับเมืองพร้าวอย่างแท้จริง เส้นทางการท่องเที่ยวตลอดระยะทางก่อนถึงเมืองพร้าว เรียกได้ว่ามีมากมาย ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเมืองพร้าวนี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ที่น่าค้นหา

เริ่มต้นจุดแวะชมสถานที่แรกของเรานั่นก็คือ “วัดดอยแม่ปั๋ง”วัดที่ซึ่งหลวงปู่แหวนสุจิณโณเคยจำพรรษาจวบจนมรณภาพ ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เคยเสด็จพระราชดำเนินยังดอยแม่ปั๋ง เพื่อนมัสการและสนทนาธรรมกับหลวงปู่แหวน นอกจากในหลวง ร.9 แล้วยังมีพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ที่เคยเสด็จเยือนยังวัดดอยแม่ปั๋งแห่งนี้ เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักหลวงปู่แหวนสุจิณโณ

การเดินเยี่ยมชมภายในบริเวณวัด ที่มีความเงียบสงบ ร่มรื่น และกว้างขวาง ก็มีข้อแม้เล็กๆน้อยๆสำหรับผู้ที่มาเยือนยังสถานที่แห่งนี้นั่นก็คือ การแต่งกายให้เรียบร้อย และไม่เสียงส่งเสียงดังขณะอยู่ในวัด สถานที่น่าสนใจที่มาแล้วต้องไปเยี่ยมชม นั่นก็คือ “กุฏิหลังเก่า” ของหลวงปู่แหวน ซึ่งหลวงปู่แหวนเรียกกุฏินี้ว่า “กุฏิย่างกิเลส” แต่คนทั่วไปเรียกว่า “กุฏิโยไฟ” ซึ่งตลอดการอาพาธของหลวงปู่แหวน ได้ก่อไฟย่างตัวเอง(คล้ายกับการอบสมุนไพร) ภายในกุฏิจนหายอาพาธ เดินต่อเข้ามายังด้านใน ซึ่งมีป้ายบอกตลอดทางเดิน ก็ได้พบกับ “พลับพลาที่ประทับของในหลวง ร.9” เมื่อครั้งที่เคยเสด็จเยือน ณ ดอยแม่ปั๋งแห่งนี้

เดินลึกเข้ามายังด้านใน ก็จะพบกับเมรุหลวงปู่แหวน และ มณฑป นอกจากนี้ด้านในยังมีข้าวของเครื่องใช้ของหลวงปู่แหวน เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ โดยจัดเก็บไว้ในตู้โชว์ อาทิ ใบมรณะบัตร ใบสุทธิ แว่นตา ก้นบุหรี่ขี้โย เป็นต้น

ออกจากวัดก็เดินทางต่อไปยัง บ้านหนองครก หมู่ 10 ตำบลสันทราย อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมกิจกรรมภายในชุมชน ตั้งแต่การทำลูกประคบ การทำขนมทองม้วน การอาบน้ำแร่ และการนวดผ่อนคลายด้วยลูกประคบ ต้องถือได้ว่าเป็นที่น่าอัศจรรรย์ที่คนภายในชุมชนทุกหลังคาเรือน มีน้ำแร่ไว้ใช้อาบตลอดทั้งปี โดยชุมชนได้ต่อท่อประปาจากน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณเชิงเขาเข้ามาภายในชุมชน โดยอุณหภูมิของน้ำแร่ที่บ่อใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 90 องศาเซลเซียส เมื่อน้ำไหลมาตามท่ออุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 50-60 องศา เมื่อนำมาผสมกับน้ำปกติ ก็จะได้น้ำอุ่นที่พอเหมาะ ไว้ใช้อาบตลอดทั้งปี

แช่น้ำแร่ และนวดจนผ่อนคลายจนตัวเบาสบาย ก็ได้เวลานั่งทานขันโตกที่จัดขึ้นโดยชุมชน ซึ่งหากนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มอยากที่จะมีกิจกรรมเหมือนอย่างเราก็สามารถติดต่อกับชุมชนได้โดยตรงค่ะ นอกจากอาหารท้องถิ่นจะอร่อยถูกปากแล้วยังมีการแสดงจากเด็กๆในชุมชน ซึ่งมากว่าการแสดงที่เรารับรู้ได้นั่นก็คือความตั้งใจและร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน ซึ่งสิ่งนี้คือสิ่งที่เราประทับใจตั้งแต่แรกเห็น

เสร็จสิ้นกิจกรรมที่ร่วมทำกับคนในชุมชนมาทั้งวันก็ได้เวลาพักผ่อนและแน่นอนเวลาที่เรารอคอยนั่นก็คือ การได้อาบน้ำแร่(อีกครั้ง) น้ำอุ่นกำลังดี แอบอิจฉาคนที่นี่นิดๆที่ได้อาบน้ำแร่ทุกวัน….ที่พักโฮมสเตย์ของที่นี่ สะอาดและปลอดภัย มีที่พักแล้วยังมีอาหารให้อีกด้วยในราคาที่ดีต่อกระเป๋าไม่น้อย และในบางโอกาสยามเช้ายังมี “ยำไข่น้ำแร่” ให้ได้ชิมอีกด้วยนะ ซึ่งไข่ต้มน้ำแร่ของที่นี่จะคล้ายกับไข่ต้มน้ำแร่ที่แจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง…….

ตื่นเช้าๆ มาสัมผัสกับไอหนาวและไอหมอก ท่ามกลางฝนโปรยปรายมานิดๆในฤดูหนาว(หลงฤดูไปไหมเธอ!!) จากกิจกรรมที่ต้องปั่นจักรยานชมหมู่บ้านในยามเช้า ก็เปลี่ยนแผนมาเป็นการเดินชมแปลงพืชผลการเกษตร โดยชุมชนของที่นี่จะปลูกเพื่อนำส่งเมล็ดพันธุ์เป็นหลัก มีทั้ง มะระ พริก เป็นต้น

ชมแปลงเพาะเมล็ดพันธุ์เสร็จ ก็ได้เวลาไปเยี่ยมชม “น้ำพุร้อนบ้านหนองครก” สถานที่ที่ถือได้ว่าห้ามพลาดหากได้มาเยือนยังเมืองพร้าว การเข้าชมยังสถานที่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีการเก็บค่าเข้าใช้บริการค่ะ จึงสามารถเข้ามาแช่กันได้แบบฟรีๆ ด้านในมีบ่อให้แช่เท้าแยกเป็นสัดส่วน มีบ่อไว้สำหรับต้มไข่ แต่อาจต้องเตรียมไข่มากันเองนะคะ..

ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกลา..เก็บความประทับใจและความทรงจำดีๆกลับไป พร้อมกับโอกาสหน้าเราจะกลับมาเยือนยังที่นี่อีกครั้งแน่นอน ก่อนเดินทางออกจากหมู่บ้านก็ได้แวะไปกราบขอพร ณ วัดประจำชุมชนบ้านหนองครก อิ่มใจ อิ่มบุญ..

การเดินทางกลับก็มีอีก 2 สถานที่ที่น่าสนใจและถือได้ว่าเป็นทั้งจุดชมวิวที่อันซีนของเมืองพร้าว นั่นก็คือ “มหาวิหารจีน” วัดห้วยบง ตำบลเขื่อนผาก อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ที่สามารถเห็นวิวแบบพาโนรามา วิวภูเขา ที่สวยงามทั้งในยามเช้าและในยามพระอาทิตย์ตกดิน

อีกหนึ่งสถานที่ที่อันซีนของอำเภอพร้าวนั่นก็คือ “น้ำพุเจ็ดสี” คล้ายตาน้ำผุดที่มีสีสันสวยงามสีฟ้าคราม ในยามที่แสงตกกระทบจะเห็นหลากหลายสีสันสวยงามยิ่งนัก นอกจากน้ำพุเจ็ดสีแล้ว ที่นี่ยังมีน้ำตกบัวตอง น้ำตกหินปูนที่สามารถเดินได้โดยไม่ลื่นล้ม เพราะมีแคลเซียมคาร์บอเนตเคลือบอยู่ น้ำตกบัวตองตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แตง ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่

มาเที่ยวเมืองป้าว หรือเมืองพร้าวกันค่ะ..แล้วคุณจะหลงรักเมืองเล็กๆแต่มีมนต์สเน่ห์แห่งนี้ได้ไม่ยาก

ติดต่อสอบถามที่พักและกิจกรรมการอาบน้ำแร่และนวดผ่อนคลาย : แม่หลวงบ้าน พี่ต้อม 093-9564558

แช่น้ำแร่ในห้องไม้ไผ่ พร้อมนวดลูกประคบ นวดผ่อนคลาย แบบ #แอ่วดีReview สนนราคา 350 บาทต่อคน แต่หากอยากมาพักผ่อนสักคืน สองคืน ก็ชิลไม่น้อยเลยนะ ที่พักสะอาด คนในชุมชนใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ที่พักพร้อมอาหารเช้า คืนละ 450 บาท พร้อมแช่น้ำแร่

พิกัด: บ้านหนองครก หมู่ 10 ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

ขอขอบคุณ..คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มา ณ โอกาสนี้ค่ะ สำหรับทริปดีๆในครั้งนี้

ภาพ/รีวิว ปาณิสรา นฤประชา

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น