อาบน้ำแร่แช่ออนเซ็น ณ ฝาง

แอ่วดีReview ได้มีโอกาสตามทริปไปกับ โครงการ “การพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว” คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อการวิเคราะห์ปรับปรุง บูรณาการ เสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ภายใต้โครงการ “การพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว” ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักเพื่อพัฒนาศักยภาพชุมชนให้เป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว ของบ้านเปียงกอกและบ้านดอน ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

ทริปเที่ยวฝางในครั้งนี้..ทำเราอดที่จะตื่นเต้นไม่น้อยเลย นั่นก็เพราะสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งของอำเภอฝาง ติดอันดับสถานที่วิวสวย อากาศดีมากๆแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ อาจมีหลายคนที่เคยมาเยือนยังเมืองแห่งนี้ แต่ก็เชื่อว่ายังมีอีกมากที่ยังไม่รู้จัก เราจึงอยากที่จะแนะนำค่ะ..เชื่อว่าหากได้ลองมาสัมผัสสักครั้งแล้วคุณจะประทับใจมิรู้ลืม

เริ่มต้นการเดินทางของเราโดยใช้เส้นทาง เชียงใหม่-ฝาง สถานที่เราแวะพักจุดแรก นั่นก็คือ “วัดป่าดาราภิรมย์” กราบพระขอพรก่อนการเดินทาง พร้อมเดินชมสถาปัตยกรรมความงดงามของพระอารามหลวงแห่งที่ 7 ของจังหวัดเชียงใหม่ วัดแห่งนี้ถูกตั้งขึ้นตามพระนามของ “พระราชชายา เจ้าดารารัศมี” เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี

ในอดีตหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตได้เดินทางมาธุดงค์บริเวณที่วัดแห่งนี้ ต่อมาได้มีพระสงฆ์ได้เข้ามาบำเพ็ญกรรมฐานยังที่แห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง ชาวบ้านได้เห็นก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงได้ร่วมกันสร้างเสนาสนะถวายเพื่อใช้ในกิจการสงฆ์  ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 เจ้าหญิงลดาคำ ณ เชียงใหม่ ทายาทของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ก็ได้ถวายที่ดินบริเวณนี้ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานพระตำหนักเจ้าดารารัศมีให้แก่วัด

หากเดินเข้ามายังบริเวณด้านใน เราจะพบกับมณฑปพระจุฬามณีศรีบรมธาตุ(หอแก้ว) ภายในบริเวณชั้น2 เราสามารถเดินขึ้นเพื่อไปกราบสักการะและชมความงดงามได้ค่ะ

กราบพระขอพระเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว เราก็พร้อมเดินทางต่อไปยังสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งเป็นโครงการหลวงแห่งแรกที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ทรงมีพระราชดำริจัดตั้งขึ้นโดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดินและไร่ในบริเวณดอยอ่างขางส่วนหนึ่ง ตั้งโครงการหลวงขึ้นเป็นโครงการส่วนพระองค์ เมื่อ พ.ศ. 2512 โดยทรงแต่งตั้งให้ หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นผู้สนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งประธานมูลนิธิโครงการหลวงจนถึงพ.ศ. 2560 ใช้เป็นสถานีวิจัย และทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิด ต่าง ๆ

ว่ากันว่าในช่วงฤดูหนาวดอกซากุระของที่นี่จะพากันเบ่งบานรอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ได้มาเก็บภาพความประทับใจกลับไป นอกจากดอกซากุระสีชมพูหวานแหว๋วแล้ว ที่นี่ก็ยังมีดอกบ๊วยสีขาวบริสุทธิ์ที่พร้อมใจกันบานสะพรั่งอีกเช่นกัน..

จากเชียงใหม่มายังดอยอ่างขาง ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร โดยเส้นทางเป็นหุบเขาสูงชันสลับกับพื้นราบและโค้งหักศอกเป็นระยะ สำหรับผู้ที่นำรถยนต์ส่วนตัวมาควรขับขี่ด้วยความระมัดระวังค่ะ

สนุกสนานเพลิดเพลินจากความงดงามของวิวทิวทัศน์ ต้นไม้ ดอกไม้จากดอยอ่างขางมาพอสมควร ก็ได้เวลาอันควรที่เราจะไปนอนแช่ออนเซ็นฟินๆกัน ณ บ่อน้ำพุร้อนฝาง ซึ่งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก

เมื่อนึกถึงการมาเยือนยังน้ำพุร้อน สิ่งแรกที่เรามักจะนึกถึงนั่นก็คือ การต้มไข่(ฮ่าๆ) ซึ่งเมื่อมาเที่ยวยังน้ำพุร้อนแล้วใครไม่ต้มไข่ถือว่าตกเทรนด์ ยิ่งต้มได้ระยะเวลาที่พอเหมาะ ไข่เป็นลักษณะยางมะตูม เหยาะคู่กับซอสแม็กกี้แล้วหล่ะก็..อร่อยเด็ดอย่าบอกใคร

นอกจากการต้มไข่แล้ว สิ่งที่ทำให้เราได้ผ่อนคลายร่างกายจากการเดินทางมาทั้งวันนั่นก็คือ การแช่น้ำแร่อุ่นๆ จะนอนแช่ในห้องแบบส่วนตัว จะแช่กลางแจ้งแบบชมวิว หรือจะเลือกแช่เฉพาะเท้า ที่นี่ก็มีให้แบบครบวงจร เรียกได้ว่าเดินออกมาตัวแทบปลิว(ไม่ใช่น้ำหนักลดนะ) แต่เพราะความผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมานานนับปี เมื่อมีโอกาสได้ผ่อนคลายสักที ร่างกายจึงตอบรับอย่างร่าเริง นอกจากการแช่แล้ว ที่นี่ก็ยังมีนวดแพทย์แผนไทยอีกด้วยนะ

เสร็จจากการผ่อนคลายด้วยออนเซ็นเมืองฝางแล้ว ไม่ไกลจากกันนัก เราก็ได้เข้าพักยังโฮมสเตย์อุ่นดอยโอบ ณ หมู่บ้านเปียงกอก ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับการต้อนรับจากคนในชุมชนอย่างอบอุ่นและเป็นมิตร ที่พักสะอาดปลอดภัย โดยห้องพักยังมีบ่อน้ำแร่ซึ่งต่อท่อส่งตรงมาจากบ่อน้ำพุร้อนฝาง ให้เราได้นอนแช่แบบส่วนตั๊ว..ส่วนตัวอีกด้วย

และสิ่งหนึ่งที่ประทับใจนั่นก็คือ การทำสครับผิวด้วยตนเอง โดยมีอุปกรณ์ให้เราสามารถเลือกใส่เครื่องประทินผิวเอง ตามแบบฉบับที่เราชอบ จะเลือกใส่น้ำมันมะกอก นม โยเกิร์ต ขมิ้นชัน เกลือป่น เกลือหยาบ หรือผสมผลไม้อย่างส้ม ผลไม้ขึ้นชื่อของเมืองฝาง ก็ไม่ว่ากัน…แล้วนำไปสครับผิวกันได้ ณ ห้องพักพร้อมแช่น้ำแร่ฟินๆ หลับสบายฝันดีตลอดทั้งคืนแถมตื่นเช้ามาผิวยังนุ้มนุ่มอีกด้วยนะ

นอกจากนี้เรายังได้มีโอกาสร่วมดินเนอร์ขันโตก และชมการแสดงไทใหญ่ที่ตื่นตาตื่นใจและหาชมได้ยาก จากคนในชุมชน อาทิ การแสดงโต สัตว์ศักดิ์สิทธิในตำนาน ที่ในอดีตการแสดงนี้จะไว้ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองเท่านั้น การฟ้อนกิ่งกะหร่า การฟ้อนดาบ การฟ้อนรำ

เริ่มเช้าวันใหม่..ด้วยการปั่นจักรยานชมวิถีชุมชนและเก็บส้ม ณ สวนส้มปราณี บ้านเปียงกอก ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าสิ่งที่คนในเมืองอย่างเราๆขาดนั่นก็คือ การตื่นเช้าๆ มาปั่นจักรยาน สูดอากาศบริสุทธิ์ ชมวิวภูเขา การออกกำลังกายถึงแม้มันจะเหนื่อยแต่มันก็ช่วยทำให้ร่างกายเราสดชื่นไม่น้อยเลยนะ โดยโฮมสเตย์ที่เราพักเค้าจะมีรถจักรยานไว้ให้บริการสำหรับผู้ที่มาพักได้ปั่นกันค่ะ

การมาเก็บส้มในครั้งนี้ ต้องถือได้ว่าทำเราอมยิ้มเก็บความประทับใจกลับไปไม่น้อย กับพร๊อพที่สวนเตรียมไว้ให้อย่างน่ารักน่าชัง ตั้งแต่ หมวกสานใบโต กระเป๋ากระสอบสะพายข้างสีสันสดใส และกรรไกรไว้ตัดส้มและเจ้าของสวนเองยังสอนวิธีเก็บส้มที่ถูกต้องให้กับเราอีกด้วย

หากนักท่องเที่ยวที่อยากจะมาเก็บส้มก็สามารถมากันได้ค่ะ โดยติดต่อกับสวนส้มปราณีโดยตรงที่เบอร์ 093-1344036 สนนราคาการเก็บส้มเอง กิโลละ 60 บาท(ราคาแล้วแต่ฤดูกาลอีกทีค่ะ)

เสร็จจากการเก็บส้มและชิมส้มหวานๆ ได้ส้มติดไม้ติดมือกลับบ้านคนละโลสองโล ก็ได้เวลาเข้าร่วมกิจกรรมดีๆอีกหนึ่งกิจกรรมจากคนในชุมชน นั่นก็คือ กิจกรรมการทำไม้กวาดจิ๋ว(พวงกุญแจ) โดยไม้กวาดของที่นี่จะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน นั่นก็คือ ไม้กวาดจะถูกย้อมสีด้วยสีสันหลากสีให้สวยงาม และการสานด้ามด้วยลวดลายต่างๆที่สวยงาม

จบทริปกิจกรรมดีๆจากชุมชนเปียงกอกและบ้านดอน แต่ก่อนกลับ ก็ได้แวะเยี่ยมชมสวนอินทผาลัมขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของอำเภอไชยปราการ ชิมน้ำอินทผาลัม ขนมครกอินทผาลัมที่กรอบนอก นุ่มใน ได้ความหวานจากอินทผาลัมนิดๆ ช่วยให้รสชาติกลมกล่อมอย่างลงตัว หากติดใจอินทผาลัมสดที่นี่ก็มีให้เลือกซื้อกลับเป็นของฝากค่ะ

ขอขอบคุณ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำหรับทริปดีๆ มา ณ โอกาสนี้ค่ะ

[หากอยากมาพักโฮมสเตย์ ปั่นจักรยาน อาบน้ำแร่แช่ออนเซ็น เก็บส้ม ทำพวงกุญแจไม้กวาด ดินเนอร์ขันโตก ชมการแสดง]

ติดต่อได้ที่: แม่เป็ง เบอร์โทร 089-6346553

รีวิว/ภาพ ปาณิสรา นฤประชา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น