One Day Trip เที่ยวไหนดี “บ้านแพมบก”

“บ้านแพมบก” หมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขา มีป่าไม้ที่อุมดมสมบูรณ์ ที่นี่มีอะไรดีถึงต้องมา!!…เพราะที่นี่มีวิวทุ่งนาที่สวยม๊าก มีสะพานบุญ “โขกู้โส่” สะพานไม้ที่ทอดยาวข้ามผ่านทุ่งนาผืนใหญ่ และน้ำตกลึกลับ “น้ำตกแพมบก” ที่ต้องเดินลัดเลาะเข้าไปในซอกหินด้านใน คล้ายกับแกรนด์แคนยอนต่างประเทศยังไงยังงั้น นอกจากนี้ยังมี “แผ่นดินแยก” ที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นดินโดยธรรมชาติจนก่อเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว อีกหนึ่งสถานที่ฮิตที่ชาวต่างชาติต้องมาเช็คอิน

จากสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแนวผจญภัย ที่น่าสนใจชี้ชวนให้ไปลองสักครั้ง นั่นก็คือ “ปายซิปไลน์” ซิปไลน์แห่งเดียวของเมืองปาย….เก็บกระเป๋าแล้วไปกัน!! 1 วันก็เที่ยวได้นะ

เริ่มต้นการเดินทางจากเชียงใหม่ มายังเมืองปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หากขับรถแบบต๊ะต่อนยอน ก็จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชม.ครึ่ง ไม่ต้องกลัวหลงกัน เพราะริมถนนจะมีป้ายบอกทาง หรือจะขับตามพิกัด GPS ก็พาไปแบบไม่มีหลงนะ

จากปากทางขับต่อเข้ามาประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะพบกับ “แผ่นดินแยก” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของชาวต่างชาตินั่นเอง ตรงข้ามกับแผ่นดินแยกก็จะเป็น “ปายซิปไลน์ PAI ZIPLINE” ซึ่งทริปท่องเที่ยวของเราก็ได้เริ่มต้นยังที่นี่ จอดรถไว้ยังจุดนี้!! แล้วนั่งรถไปกับปายซิปไลน์กันเลย เพราะหนทางไปยังหมู่บ้านแพมบก ค่อนข้างลำบาก (รถเก๋งอาจไม่เหมาะเท่าที่ควร)

นั่งรถมาได้ไม่นาน ผ่านการเด้งซ้ายเด้งขวา หัวสั่นหัวคลอนสักเล็กน้อยก็ถึงค่ะ..สวยสมคำล่ำลือนะ เมื่อได้มาเห็น ทุ่งนาผืนกว้างที่ปลูกข้าวลดหลั่นกันเป็นชั้นลงมา มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นข้าวสีเขียวขจี มีลำธารเล็กๆ ได้ยินเสียงน้ำ ก็ช่วยให้หายเหนื่อยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

บนทางเดินสะพานไม้ที่ทอดยาว มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร มีมุมนั่งชิลชมวิวทุ่งนา หรือจะเดินเล่นในหมู่บ้าน ก็เป็นอะไรที่เพลิดเพลินดี แต่เราอาจไม่มีภาพของหมู่บ้านมาให้ชมกันเพราะวันนั้นฝนตก(ฮ่าๆ)

สะพานไม้โขกู้โส่ เกิดขึ้นได้จากการร่วมแรงร่วมใจของหลายฝ่าย ทั้งคนในชุมชนเอง ชาวเมืองปาย และพระภิกษุสงฆ์ ที่ช่วยกันสร้างจนแล้วเสร็จ ภายในระยะเวลา 3 เดือน ก่อเกิดสะพานไม้ทอดยาวกว่า 800 เมตร พาดผ่านทุ่งนาผืนกว้างที่ชาวบ้านได้นำมาถวายให้แก่วัด ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับพุทธอุทยานห้วยคายคีรี ในยามเช้า..ชาวบ้านนิยมมาใส่บาตรกันบริเวณสะพานแห่งนี้ นี่เองสะพานแห่งนี้ถึงถูกเรียกว่า “สะพานบุญโขกู้โส่”

จุดเช็คอินต่อไป ที่เมื่อมายังบ้านแพมบกแล้วต้องแวะ นั่นก็คือ “น้ำตกแพมบก” น้ำตกลึกลับที่ต้องเดินลัดเลาะผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ ผ่านสะพาน และผ่านรอยแยกของหุบเขา ถึงได้พบเจอกับน้ำตกที่สวยงาม คล้ายกับแกรนด์แคนยอนเมืองนอกยังไงยังงั้น แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเดินเหนื่อย จากจุดจอดรถเดินต่อเข้าไปไม่ไกลค่ะ ประมาณ 10 นาทีก็เจอ..เดินชิล ชิล จ๊ะ!!

ให้เท้าได้จุ่มน้ำพอให้ร่างกายได้สดชื่น จากน้ำตกแพมบกก็เดินทางต่อไปยัง “ปายซิปไลน์” ไปผจญภัย ห้อยโหนโยนทะยานกัน ให้สารอะดรีนาลีนในร่างกายได้หลั่งความสุข ความตื่นเต้นออกมา นานๆทีก็ดีไม่น้อยเลยนะ

สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นซิปไลน์เลย ก็ต้องบอกว่า ที่นี่ค่อนข้างปลอดภัยและมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ด้วยสายสลิงที่มีกว่า 2 เส้น และอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศทุกชิ้นการันตีโดยประเทศฝรั่งเศส ก็ทำให้อุ่นใจไปได้ไม่น้อย แถมยังมีประกันอุบัติเหตุให้ก่อนเล่นอีกด้วยนะ แต่งตัวเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันเลย!!

เมื่อถึงฐานแรก ก็มีการสอนเกี่ยวกับอุปกรณ์การใช้งาน ง่ายๆไม่ซับซ้อน ซึ่งฐานของที่นี่ก็มีถึง 22 ฐาน โดยมี 3 บรรยากาศด้วยกันตั้งแต่การผจญภัยในป่า ต่อด้วยชมวิวทุ่งข้าวโพดตัดกับท้องฟ้าสีคราม นั่งจิบกาแฟดริปกลางป่าชมวิวดอยแม่เย็น และโหนสลิงไปยังต้นมะม่วงป่ายักษ์ อายุกว่า 100 ปี จากนั้นข้ามห้วยไปยังฐานสุดท้ายที่ “ปายบัฟฟาโลฮิลล์” โดยฐานสุดท้ายนี้ สามารถตั้งแคมป์ปิ้งยามเย็น ชมวิวดาวเต็มฟ้าโรแมนติกอย่าบอกใคร!!

ห้อยโหนมาก็หลายฐานแถมยังแอบกรี้ดกร๊าดมาจนคอแหบคอแห้ง ก็มานั่งชิลเบรคอารมณ์ด้วยกาแฟดริปร้อนๆสักถ้วย ก็ชุ่มคอไม่น้อยเลยนะ แถมเบื้องหน้ายังเห็นวัดพระธาตุแม่เย็น ไกลๆ ก็ชิลไม่น้อย

จากฐานต่อไป ก็มาถึงยังจุดที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็ว่าได้ นั่นก็คือ การโหนสลิงมายัง “ต้นมะม่วงป่ายักษ์” ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ด้วยความสูงกว่า 50 เมตร เรียกได้ว่า เป็นความสูงที่เสียวที่สุดของมนุษย์ก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะต้องโหนจากต้นมะม่วงป่ายักษ์แล้ว ยังต้องยืนบนเก้าอี้เพิ่มความเสียวเข้าไปอีกจร้า!! งานนี้ขาไม่สั่นให้มันรู้ไป…1 2 3 เอ๊า!! กรี้ดสิค่ะ รออะไร

ฐานสุดท้ายจะมาสิ้นสุดที่ปายบัฟฟาโล เป็นการห้อยโหนผ่านลำห้วย ซึ่งฐานนี้ก็เรียกเสียงกรี้ดกร๊าดได้อีกเช่นเคย

การได้มีโอกาสมาเล่นซิปไลน์ ณ เมืองปาย แห่งนี้ ถือได้ว่าสนุกกว่าครั้งไหนๆที่เคยเล่นมา อาจเป็นเพราะเราแทบไม่ต้องเดินเลย คือโหนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งตลอดทั้ง 22 ฐาน เลยทำให้รู้สึกถึงความอิน ความฟิน ยังกับเป็นทาร์ซานสาวยังไงยังงั้น(ฮ่าๆ) แถมผู้ดูแลการโหนซิปไลน์ยังแอบกระซิบบอกกับเราอีกว่า การเล่นซิปไลน์ช่วยเผาผลาญไขมัน ทำให้ผอมอีกด้วย(ดีจัง!!)

เหน็ดเหนื่อยจากการห้อยโหน ก็ได้เวลาทานอาหารมื้ออร่อย ซึ่งที่นี่เค้าก็จัดเตรียมอาหารพื้นถิ่น ที่กินแล้วอิ่ม(พูดเลย)

นั่งพักพอหายเหนื่อย อยากจะไปเดินชิลชมแผ่นดินแยก ก็สามารถเดินข้ามไปได้ เพราะอยู่ตรงข้ามกับปายซิปไลน์พอดิบพอดี สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประทับใจที่นี่ “แผ่นดินแยก” นั่นก็คือ คุณลุงที่ยืนคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ดีมากๆ นอกจากจะมีแผ่นดินแยกให้เดินเข้าไปชมแล้ว ยังมีเครื่องเล่นแบบพื้นบ้านให้เล่นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น “ฟอร์มูล่าม้ง” ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ไม่น้อย เดินเหนื่อยแล้ว ด้านหน้า ก็มีน้ำกระเจี๊ยบทำเอง เย็นชื่นใจไว้คอยต้อนรับ แถมยังมี กล้วยฉาบ มะเฟืองจิ้มเกลือ มะขาม ถั่ว ไว้ให้เลือกชิม สนนราคา ก็แล้วแต่จะให้โดยมีตู้เล็กๆเตรียมไว้ให้ค่ะ

เมืองปาย จะเที่ยวฤดูไหนก็สวยนะ จะเป็นช่วงกรีนซีซั่น หรือ ฤดูหนาว ก็แสนสุขใจ..มาเที่ยวกันค่ะ

สำหรับแพ็คเก็จทริปเที่ยวบ้านแพมบก(สะพานโขกู้โส่ – น้ำตกแพมบก – เล่นซิปไลน์ 22 ฐาน – อาหาร 1 มื้อ) ราคา 2,250 /คน (มา 8 คน จ่าย 7 คน) 

แพ็คเก็จซิปไลน์ 22 ฐาน ปกติ 1,850 พิเศษ!!วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม โปรโมชั่น 1,350 /คน แพ็คเกจซิปไลน์ 9 ฐานพร้อมจิบกาแฟชมวิว ปกติ 1,100 โปรโมชั่น!! วันนี้ 750 /คน

>>พิเศษ!! เล่นซิปไลน์วันนี้แจกฟรี..เสื้อยืด PAI ZIPLINE หรือ หมวก ปักรุ่นพิเศษ Limited Edition <<<

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่: 096 789 4449

เพจ: https://web.facebook.com/2294225850698688/posts/2398619750259297/ หรือ เว็บไซต์ : https://paizipline.com/

พิกัด: 95/1 หมู่5 ตำบลทุ่งยาว
เทศบาลตำบลปาย (ทางเข้าหมู่บ้านบ้านแพมบก) https://goo.gl/maps/7pQGXXyz8FGcsZG4A

ขอขอบคุณ ทริปดีๆจาก: PAI ZIPLINE

ภาพ/รีวิว ปาณิสรา นฤประชา

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น