Canopy Walkway เดินลอยฟ้า@Queen Sirikit Botanic
เคยคิดว่าทำไมเมืองไทยไม่มีทางเดินลอยฟ้า เหมือนกับต่างประเทศบ้าง ทางเดินชมธรรมชาติเหนือยอดปลายต้นไม้ ทั้งๆที่บ้านเราเองก็มีทรัพยากรไม่ด้อยไปกว่าชาติใด มาวันนี้สมใจ“แอ่วดี” เพราะสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (Queen Sirikit Botanic) ได้สร้าง Canopy Walkway
ทางเดินชมธรรมชาติเส้นทางเดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ระยะทางกว่า 400 เมตร สร้างบนโครงเหล็กแข็งแรง เสริมด้วยจุดแวะพักชมวิวเป็นกระจกใสให้นักท่องเที่ยวได้วัดความกล้า ท้าความเสียว ยืนเซลฟีอย่างจุใจ พร้อมกับชมวิวความงามของดอยม่อนคว่ำหล้องและไอหมอกจางๆ ในยามเช้า
การเดินทางของเราในครั้งนี้ นำโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางไม่ยากถึงจะขึ้นชื่อว่า “ขึ้นเขา” แต่ก็ไม่ใช่เขาที่สูงชันแต่อย่างใด ขับไปเรื่อยๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากในเมืองนัก เราก็จะพบกับ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์(Queen Sirikit Botanic) ตั้งอยู่ที่ ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 30 กิโลเมตร โดยการเยี่ยมชมให้นำรถส่วนตัวเข้าไปข้างในได้ เนื่องจากบริเวณสวนพฤกษศาสตร์มีพื้นที่ประมาณ 2,000 ไร่ซึ่งกว้างเกินกว่าที่เราจะเดินไหว เลยต้องขับรถเข้าไปจอดเฉพาะเป็นจุดๆไป โดยค่าธรรมเนียมคนไทย ผู้ใหญ่ราคา 40 บาท เด็ก 20 บาท ค่ารถยนต์ส่วนตัว 100 บาทต่อคัน โดยค่าธรรมเนียมนี้รวมไปถึงการเดินชมเส้นทางธรรมชาติ Canopy Walkway เรียบร้อยแล้ว
ขับเข้าไปไม่ไกล จะเจอจุดแรก คือทางเดินชมเส้นทางธรรมชาติ Canopy Walkway อยู่ทางด้านขวามือ เราสามารถจอดรถริมทางได้เลย โดยจะมีช่องจอดรถให้ จากนั้นก็นำบัตรเข้าแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เป็นอันว่าเริ่มเดินได้เลย ก่อนทางเข้าด้านซ้ายมือ จะมีตึกสีเหลืองซึ่งเป็นจุดนั่งชมวิวสามารถนั่งได้ทั้งก่อนเดินและหลังเดิน เพราะว่าถือได้เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของการเดิน จะมาเจอยังอาคารนี้ มีเครื่องดื่มคอยให้บริการ และของที่ระลึกบริการแก่นักท่องเที่ยวที่อยากได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน
เราขอแนะนำว่าให้มาช่วงเช้าเพราะนอกจากอากาศจะดี ไม่ร้อนแล้ว ยังได้ภาพที่สวยงามอีกด้วย การเดินชมเส้นทางธรรมชาติของที่นี่ จะมีป้ายบอกของกฎของการเดิน บอกไว้เป็นระยะ เราควรที่จะปฎิบัติตามกฎด้วย เพื่อความปลอดภัย นอกจากนั้นยังมีป้ายบอกชื่อต้นไม้และสัตว์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งนั่นคือ “กิ้งก่าบิน (Draco)” สามารถบินได้ไกลถึง 9 เมตร เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอีกชนิดคือ “กิ้งก่าบินปีกสีส้ม (Draco Maculatus Divergens)” ชนิดนี้พบได้เฉพาะในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพเท่านั้น
เดินไปทำให้เรานึกถึงหนังเรื่องจูราสสิคพาร์ค นึกถึงตอนที่มีทีเร็กซ์โผล่ออกมาจากยอดต้นไม้ ถ้าได้ฝนตกจะแลดูสมจริงกว่านี้ เชื่อว่าต้องมีหลายคนที่มายังที่นี่แล้วคิดเหมือนเรา อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ คือจุดชมวิวกระจกแก้ว ที่ฉากหลังจะเป็น “ดอยม่อนคว่ำหล้อง” ว่ากันว่า ตำนานของดอยแห่งนี้เมื่อครั้งในอดีต ขุนหลวงวิลังคะ ผู้ปกครองอาณาจักรลั้วะในอาณาจักรล้านนา (เชียงใหม่ในปัจจุบัน) อยากแต่งงานกับพระนางจามเทวี เจ้าเมืองปกครองเมืองหริกุญไชย(ลำพูนในปัจจุบัน) พระนางนั้นไม่ชอบขุนหลวง แต่อยากที่จะครอบครองอาณาจักรล้านนา จึงออกอุบายให้ขุนหลวงพุ่งเสน้า(หอก) ได้ 3 ครั้ง
จากอาณาจักรล้านนา ให้มาตกยังเขตกำแพงเมืองหริกุญไชยแล้วจะแต่งงานด้วย ด้วยความเกรงว่าขุนหลวงจะทำได้ตามคำท้าจริง พระนางจึงใช้ไสยศาสตร์โดยการนำพระภูษา(ผ้านุ่ง) ซึ่งเป็นความเชื่อ ถือว่าเป็นของต่ำ มาทำเป็นหมวก แล้วมอบให้แก่ขุนหลวงใส่ในวันที่พุ่งหอก โดยที่ขุนหลวงได้รับก็ใส่อย่างภูมิใจ คิดว่าพระนางมีใจให้ ไม่ได้นึกเลยว่าจะทำให้เสื่อมอาคมลง เมื่อขุนหลวงพุ่งเสน้าเป็นครั้งที่สองก็ไม่ตกยังที่คาดไว้ ทำให้ผิดหวังยิ่งนัก โดยครั้งที่สามได้โยนเสน้าขึ้นไปบนอากาศให้ตกลงมาแทงตัวเอง โดยก่อนสิ้นใจขุนหลวงได้สั่งไว้ว่า ให้นำศพของพระองค์ไปฝังไว้ ณ สถานที่ที่สามารถเห็นเมืองหริกุญไชยได้ตลอดเวลา ขณะที่ทหารนำพระศพไปหาสถานที่ฝัง โลงศพได้ตกลงจากเกวียนบริเวณ “ดอยม่อนคว่ำหล้อง” ชาวบ้านจึงเรียกภูเขาที่มีลักษณะคล้ายโรงศพนี้ว่า “ดอยม่อนคว่ำหล้อง” จนถึงปัจจุบันนี้
การเดินชมเส้นทางเดินธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เวลาการเปิดปิด 08.30 – 16.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 053 – 841234 จากทางเดิน Canopy Walkway นี้แล้วยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งแอ่วดี จะพาไปในตอนถัดไป ติดตามแอ่วดีกันได้เร็วๆนี้
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย จาก “แอ่วดี”
- เนื่องจากเส้นทางเดินชมธรรมชาติเป็นทางเดินโครงเหล็ก ลักษณะเป็นรู จึงไม่เหมาะที่จะใส่รองเท้าส้นไป ควรที่จะเป็นผ้าใบหรือรองเท้าใส่สบายเหมาะแก่การเดิน
- เสื้อผ้าที่สวมใส่ควรเป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี(ในกรณีที่ไม่ได้มาช่วงหน้าหนาว) เพราะขนาดที่กว้างของสวนพฤกษศาสตร์ การมาเดินในช่วงกลางวันอากาศจะค่อนข้างร้อน ควรเป็นกางเกงขายาวจะเดินสบายกว่า
- เตรียมหมวก ร่ม พกมาด้วยค่ะ
- ที่นี่จะมีป้ายบอกให้ปฎิบัติตามกฎนะค่ะ นอกจากจะเที่ยวอย่างมีความสุขแล้ว ยังปลอดภัยอีกด้วย
- กล้องถ่ายรูป ขาดไม่ได้ เนื่องจากที่นี่มีพันธุ์ไม้ ดอกไม้นานาชนิด เหมาะอย่างมากสำหรับคนรักการถ่ายภาพ
- ขนมคบเคี้ยว เครื่องดื่ม ของฝาก ที่นี่มีให้บริการค่ะ
ภาพและบทความ ปาณิสรา นฤประชา