สะพายเป้เที่ยวแม่แจ่ม

แอ่วดีReview ได้มีโอกาสตามทริปไปกับ โครงการ “การพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว” คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อการวิเคราะห์ปรับปรุง บูรณาการ เสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ภายใต้โครงการ “การพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว” ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักเพื่อพัฒนาศักยภาพชุมชนให้เป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว ณ น้ำพุร้อนเทพพนม หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติออบหลวงที่ 4 ตำบลอมขูด อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ 

หากนึกถึง “แม่แจ่ม” หลายคนอาจนึกถึง นาขั้นบันไดป่าบงเปียง และ ผ้าซิ่นตีนจก อันลือชื่อ แต่เชื่อไหมว่า..แม่แจ่มเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย และที่นี่เองยังมีน้ำพุร้อนเทพพนม ซึ่งอยู่ในความดูแลของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติออบหลวงที่ 4

เริ่มต้นการเดินทางโดยใช้เส้นทาง เชียงใหม่-จอมทอง ก่อนการเดินทางทุกทริปของเราต้องแวะสักการะขอพรยังวัด เพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทาง โดยวัดที่เราแวะขอพรในครั้งนี้ ก็คือ “วัดพระธาตุดอยน้อย” วัดเก่าแก่ที่มีเรื่องราวยาวนานกว่า 1,300 ปี วัดแห่งนี้ตั้งอยู่อำเภอจอมทอง การเดินทางมาก็ไม่ยากเพราะปากทางเข้าวัดจะอยู่ติดถนน มีป้ายบอกทางชัดเจน วัดตั้งอยู่บนเนินเขาติดลำน้ำปิง มองเห็นวิวทิวทัศน์แบบรอบทิศทาง

การเดินชมวัดมีอยู่ 2 เส้นทางคือเดินตั้งแต่หน้าบันไดนาคด้านล่าง มีบันไดกว่า 241 ขั้น สามารถมองเห็นวิวได้ไกลไปจนถึงดอยหัวเสือ แต่การเดินบันไดอาจไม่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัวและผู้ที่เป็นโรคกลัวความสูง แต่หากไม่อยากเดินสามารถนำรถอ้อมดอยขึ้นไปจอดยังด้านบนได้ค่ะ

ภายในบริเวณวัด มีพระบรมธาตุ พระเจดีย์โขง ทั้ง 4 ด้าน มีฉัตร 9 ยอดและเจดีย์หลักกลาง โบสถ์ วิหาร และพระพุทธรูปหินอ่อนแกะสลัก ตามตำนานเล่าขานต่อกันมาว่า วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระนางจามเทวี เมื่อปี พ.ศ. 1201 พระนางจามเทวีได้เดินทางสวนสายน้ำปิง โดยใช้เวลานานถึง 7 เดือนจากละโว้ เมื่อใกล้ถึงจุดหมาย จึงได้หยุดพักและเห็นว่าเป็นชัยภูมิเหมาะที่จะสร้างพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่นำติดตัวมาจากเมืองละโว้

จึงได้ให้นายพรานธนู ตั้งจิตอธิษฐานแล้วยิงธนูเสี่ยงทาย ลูกธนูก็ได้ไปตกที่ “ดอยน้อย” จึงจัดไพร่พลที่ตามมา ร่วมกันสร้างพระเจดีย์ มีนามว่า “ปะวีสิถะเจดีย์” เมื่อสร้างเสร็จก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในปี 1201 กาลเวลาหมุนเปลี่ยนมาจนถึงยุคสมัยของนักบุญแห่งล้านนา ครูบาศรีวิชัย ก็ได้เข้ามาทำการบูรณะปฎิสังขรณ์อีกครั้ง

สำหรับเราการมาเที่ยวยังวัดคล้ายกับการเดินทางย้อนรอยประวัติศาสตร์ ทำให้เห็นถึงความมานะ อุตสาหะของคนในอดีตที่มีแรงศรัทธาต่อศาสนาอย่างแรงกล้า

กราบพระขอพรพร้อมกับเก็บภาพทิวทัศน์อันสวยงามก็ถึงเวลาเดินทางต่อไปยัง “สวนสนบ่อแก้ว” ตั้งอยู่บนถนน ฮอด-แม่สะเรียง หากคอซีรีย์ที่ใฝ่ฝันอยากที่จะไปเที่ยวเกาะนามิ อันโด่งดังของประเทศเกาหลี เชื่อว่าเมื่อได้มายังที่นี่ ก็ต้องประทับใจไม่น้อย ด้วยอากาศที่เย็นสบาย เต็มไปด้วยต้นสนสูงใหญ่ ที่มีแสงลอดผ่านรำไร จึงทำให้ที่นี่ คล้ายกับดินแดนในจินตนาการยังไงยังงั้น…จะมาถ่ายรูป ปิคนิกทานอาหารกลางวัน บรรยากาศก็เหมาะ เพียงแต่ต้องช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะคะ

จากสวนสนบ่อแก้ว ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก เป็นที่ตั้งของ “สวนผักดอย OK ” สวนผักที่ปลูกพืชผักออร์แกนิค ผักปลอดภัยไร้สารพิษ ที่นี่ปลูกผักหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น คื่นฉ่าย ต้นหอม ผักสลัด มะเขือเทศ เป็นต้น

เราใช้เวลาในการเดินชมสวนผัก พร้อมฟังความรู้ดีๆจากเจ้าของสวน โดยใช้เวลาพอประมาณ ก็ได้เดินทางต่อไปยัง “น้ำพุร้อนเทพพนม” แหล่งน้ำพุร้อนของอำเภอแม่แจ่ม ที่นี่นอกจากนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีชาวบ้านทั้งเด็กและผุ้ใหญ่มาใช้บ่อสาธารณะนี้ในการอาบน้ำทุกวัน ยิ่งในฤดูหนาวหากได้มานอนแช่น้ำอุ่นเชื่อว่าคงจะสบายตัวไม่น้อยเลยทีเดียว

ด้วยความร้อนของน้ำพุที่สูงถึง 99 องศา จึงทำให้การนำไข่มาต้มที่นี่ใช้เวลาเพียงไม่นานนัก สำหรับนักท่องเที่ยวหากไม่อยากแช่บ่อรวม ที่นี่เค้าก็มีบ่อส่วนตัวไว้ให้บริการ รวมไปจนถึง ผ้าเช็ดตัว และการนวดตัวเพื่อสุขภาพจากคนในชุมชน

สบายกายจากการแช่น้ำแร่ ก็ได้เวลาเดินชมหมู่บ้าน ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างนักจากน้ำพุร้อน ถึงจะเป็นหมู่บ้านที่ตั้งเรียงรายอยู่ 2 ฝั่งริมถนนแต่ที่นี่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อยหากได้ใช้เวลาสักนิด เพื่อสัมผัสกับวิถีชุมชนอย่างแท้จริง ที่นี่มีสะพานไม้ข้ามแม่น้ำแม่แจ่ม เราจะสามารถเดินชมบรรยากาศในยามเย็น หรือ ยามเช้าก็สวยงามไม่แพ้กันค่ะ

สำหรับการนอนพักค้างคืนโฮมสเตย์ของชุมชนที่นี่เพียงหนึ่งคืน ก็ทำให้เรารู้สึกว่าหากเราพลาดที่จะได้มาที่นี่คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อยน้อยเลยทีเดียว เพราะที่นี่ผู้คนอัธยาศัยดี อาหารอร่อย วิวแม่น้ำสวยงาม ชมการแสดงจากเด็กๆในชุมชน การแสดงที่เกิดจากการทุ่มเท ตั้งใจของน้องๆทำให้เราประทับใจและจะกลับมาที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน

กล่าวคำอำลาจากหมู่บ้าน เราก็เดินทางต่อไปยัง “วัดแม่แดด” ซึ่งถือว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงวัดหนึ่งของอำเภอแม่แจ่ม โดยมีวิหารแบบล้านนา และยังมีจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่มากกว่า 150 ปี เขียนโดยช่างแต้ม ชาวไตใหญ่ ซึ่งมีสภาพค่อนข้างดี เป็นภาพพุทธประวัติ นิทานพื้นบ้าน สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวแม่แจ่มในอดีต

 

จากนั้นเดินทางต่อไปยังพระมหาธาตุนภเมทนีดล พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ พระมหาธาตุคู่พระบารมี รัชกาลที่9 ณ ดอยอินทนนท์

สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2530 และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (ในรัชกาลที่ ๙ )
ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2535

“พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล” มีความหมายว่า “พระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่ยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจรดดิน” ส่วนพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ มีความหมายว่า “เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน”

จบทริปการเดินทางท่องเที่ยวแม่แจ่ม แบบประทับใจและสัญญากับตัวเองว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในฤดูร้อน ว่ากันว่าที่นี่ขึ้นชื่อนักเรื่องล่องแพไม้ไผ่ ขอขอบคุณ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำหรับทริปดีๆ มา ณ โอกาสนี้ค่ะ

ติดต่อสอบถาม:  อาบน้ำแร่แช่ออนเซ็นพร้อมบ้านพักโฮมสเตย์ชุมชนแม่แจ่ม คุณต่าย 065-4971174

รีวิว/ภาพ ปาณิสรา นฤประชา

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น