แอ่วดี ตอน กิ่วแม่ปานสรวงสวรรค์บนดิน
“สรวงสวรรค์บนดิน” คงจะไม่เกินจริงไปนักกับภาพความงดงามเบื้องหน้า “กิ่วแม่ปาน” เส้นทางเดินสำรวจธรรมชาติบนยอดดอยสูงอินทนนท์ ดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย
เรามาเยือนดอยอินทนนท์ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ละเลยสถานที่แห่งนี้มาโดยตลอด เนื่องจากสักการะพระธาตุนภพลภูมิสิริและพระมหาธาตุนภเมทนีดล (พระธาตุคู่) แล้วเรามักจะเลยไปยังจุดสูงสุดของยอดดอยเลย
แต่แล้ววันหนึ่งเราก็คิดว่ามีสถานที่ที่ไหนอีกหรือไม่ที่เราหลงลืมไปนั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้เราได้มา “แอ่วดี” ยังที่นี่
“กิ่วแม่ปาน ( Kew Mae Pan Nature Trail)”
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เดิมมีชื่อว่า “ดอยหลวงอ่างกา” ต่อมาได้ตั้งชื่อตามพระนามของ พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ในอดีต ดอยอินทนนท์ มีความสูง 2,565 เมตร เป็นดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่ครอบคลุมหลายอำเภอ ดอยอินทนนท์ตั้งอยู่ที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
เนื่องจากฤดูที่เรามาเยือนเป็นฤดูหนาว อากาศที่นี่จึงค่อนข้างจะหนาวมาก มีลมพัดมาเป็นระยะ ตอนที่เราไปนั้นอากาศประมาณ 3-6 องศา สำหรับคนที่ชินกับการอยู่ในเมืองอากาศร้อนๆแบบเรามาก็แทบจะเดินกลับขึ้นรถในทันที แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าอากาศที่นี่ดีมาก แบบที่จะหาจากในเมืองไม่ได้และไฮไลท์ก็อยู่ที่ฤดูหนาวนี้แหล่ะ เพราะเราจะเห็นทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตา ว่าแล้วเราก็เตรียมตัว หมวก ผ้าพันคอ เสื้อกันหนาว รองเท้าผ้าใบ พร้อมเดินทาง
ปากทางเข้าจะมีจุดลงทะเบียนรายชื่อของนักท่องเที่ยวโดยเจ้าหน้าที่จะให้เขียนชื่อทุกคน นักท่องเที่ยวหลายคนที่ต่อแถว การเดินสำรวจจำเป็นต้องมีไกด์พาเราเดินสำรวจ กรุ๊ปละไม่เกิน 10 คน โดยค่าไกด์จะอยู่ที่ประมาณ 200 บาทต่อกลุ่ม การเดินจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระยะทาง 3 กิโลเมตร แล้วแต่ว่าใครจะพักจุดไหนใช้เวลาเท่าไหร่
แต่เนื่องจากในชีวิตประจำวันเราไม่ค่อยได้เดินสักเท่าไหร่ เราจึงเหนื่อยและพักบ่อยกว่ากลุ่มอื่นๆ มีหลายกลุ่มที่ทนเดินไม่ไหวโบกมือยอมแพ้หันหลังกลับไปก่อน แต่ละจุดที่แวะพักก็จะมีป้ายอธิบายบอกถึงลักษณะของป่า พืชเฉพาะถิ่น สัตว์ เริ่มเดินขึ้นดอยสูงชันเป็นระยะ
ป่าที่นี่จะค่อนข้างทึบเนื่องจากมีต้นไม้สูงใหญ่ บดบังแสงอาทิตย์ไม่ให้สาดแสงลงมายังพื้นดิน จึงทำให้ที่นี่ดูมีมนต์ขลังยิ่งนัก เดินไปไกด์ก็อธิบายให้เราทราบเกี่ยวกับต้นไม้ รูปร่างแปลกตา เห็ดทรงแปลกๆ เฟิร์นหลากหลายชนิด
“เดินหลุดออกมาจากป่าจะเห็นภาพนี้ ทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตา”
“กู๊ดเกี๊ยะ เฟิร์นทนไฟ สูงไม่ใช่เล่น โชคดีที่มาเดินใส่กางเกงขายาว ไม่งั้นต้องแผลกลับบ้านบ้างหล่ะ”
“เกือบถึงจุดหมายไฮไลท์แรก เดิน เดิน”
ตอนที่เดินออกมาก่อนที่จะพบกับทุ่งหญ้า เหมือนกับเรายังอยู่ในป่าซึ่งไม่ค่อยมีแสงมากนักแล้วหลุดมาพบกับทุ่งหญ้าสีเหลืองทองกว้างใหญ่ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าคราม เป็นภาพที่สวยงามประทับใจ
วินาทีที่เราเดินผ่านทุ่งหญ้า ที่เราแอบเรียกติดตลกว่า “ทุ่งหญ้าสะวันนา” จริงๆแล้วมีชื่อเรียกว่า “ทุ่งหญ้าเมืองหนาวกึ่งอัลไพน์” ซึ่งมีดอกไม้ป่าขึ้นระหว่างสองข้างทาง และต้นกูดเกี๊ยะ(เฟิร์นทนไฟ) สูงแทบจะเลยหัวเลยทีเดียว
“ถ้าช่วงที่เรามาไม่ได้มีหมอกปกคลุม เราจะมองเห็นตัวเมืองแม่แจ่มได้อย่างชัดเจน สวยงามไปอีกแบบ”
“หนึ่งในไฮไลท์ของ “กิ่วแม่ปาน” ไม่ถ่ายรูปไม่ได้แล้ว ลั่นชัตเตอร์จนเมมแทบหมดกันเลยทีเดียว”
“ในบางครั้งที่พร้อมใจกันมายังจุดนี้ ต้องแย่งกันเก็บภาพสักหน่อย เพราะกว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ต้องอาศัยแรงกาย แรงใจกันมิใช่น้อย”
“ระหว่างทางเดินต่อ เดินลงสันเขา วิวสวยจนอดที่จะเก็บภาพอีกไม่ได้”
เดินฝ่าดงเฟิร์นมาได้สักพัก ก็จะเห็นจุดชมวิวเป็นสะพานไม้ มีป้ายยาวอธิบายให้เราพอได้ทราบรายละเอียดเบื้องต้น ถ้าช่วงไหนที่ไม่มีทะเลหมอก เราจะสามารถเห็นตัวเมืองแม่แจ่มได้อย่างชัดเจน แต่ช่วงที่เราไปโชคดีมากที่มีทะเลหมอก เมฆสีขาวสะอาดตา ตัดกับขอบฟ้าสีคราม สุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่ตราตรึงใจ ถึงกับอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเราตื่นมาทุกเช้าเปิดหน้าต่างแล้วพบกับวิวแบบนี้ จะดีสักขนาดไหน ไกด์บอกกับเราว่าถ้าเราโชคดี เราอาจจะได้เห็นเลียงผาตัวเป็นๆ ที่นี่
“ทางเดินไม้แคบๆ เดินลงเขา สวยงาม ประทับใจ ท้องฟ้าสีครามตัดกับสีของทุ่งหญ้าป่า”
อิ่มเอมเก็บภาพเรียบร้อยก็เดินลัดเลาะสันเขาที่มีราวบันไดไม้คั่นเป็นระยะ ทางค่อนข้างแคบ แต่ไม่อันตรายถ้าเราระมัดระวัง จากจุดชมวิวมาได้ไม่ไกล เราจะเห็นจุดสัญลักษณ์ของกิ่วแม่ปาน นั่นคือ “ผาแง่มน้อย” เป็นแท่งหินแกรนิต ที่มีอายุกว่า 500 ล้านปี
จากนั้นเราก็เดินลัดเลาะภูเขา เพื่อไปยังที่จุดน่าสนใจอีกจุดเพื่อไปดูต้น “กุหลาบพันปี (Rhododendron)” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของดอยอินทนนท์ก็ว่าได้
นอกจากจะมีต้นกุหลาบพันปีแล้ว ยังมีกุหลาบป่า มอส เฟิร์น หายากที่เป็นพืชเฉพาะถิ่น สัตว์นอกจากเลียงผา แล้วยังมี กวาง เสือไฟ สลาแมนเดอร์ นกหายากอีกหลากหลายสายพันธุ์ บางครั้งเราอาจจะแปลกใจเมื่อมาเยือนที่นี่แล้วจะเห็นนักท่องเที่ยวแบกกล้องพร้อมเลนส์ที่ยาวมากๆเดินผ่าน
นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ของคนรักนก เพราะที่นี่มีนกหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งบางสายพันธุ์จะมีแต่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น เดินผ่านดอยมาหลายลูก เราก็มาถึงอีกหนึ่งจุดไฮไลท์นั่นคือ จุดชมวิวที่มองเห็นพระธาตุคู่ เก็บภาพแบบเมมแทบจะเต็มเลยทีเดียว เดินไปพักไปเป็นระยะ
“บรรยากาศค่อนข้างเย็น บวกกับลมพัดมาเป็นระยะ ไอหมอกกระทบหน้า ถึงจะหนาวแต่ได้เห็นภาพแบบนี้ สู้สุดใจกันเลยทีเดียว”
ที่พอจะทำให้คลายเหนื่อยเห็นจะเป็นลำธารเล็กๆแต่กลับใสสะอาด เสียงนกแข่งกันร้องประสานเสียง ทำให้เราแทบจะหยุดเดินเพื่อฟัง เหมือนเสียงดนตรีจากธรรมชาติ เดินไปชมวิวต้นไม้สองข้างทาง
เราก็พบกับจุดพักที่เราชอบที่สุด นั่นคือ “เสียงป่า (Listen to Nature’s Voice)” ซึ่งจุดนี้เป็นจุดเกือบสุดท้ายให้เราแวะนั่งพัก หลับตา ปล่อยกายใจให้ได้พัก เพื่อซึมซับเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการมาเยือนยังที่แห่งนี้ ฟังเสียงนกร้อง เสียงลม เสียงใบไม้ เสียงน้ำไหลผ่านหิน เหมือนเป็นการเพิ่มพลังให้กับชีวิตของเรา
บางครั้งเราก็คิดว่า เราอยู่กับธรรมชาติน้อยเกินไปหรือไม่ เรามัวแต่หลงไหลในเทคโนโลยีจนหลงลืมไปหรือไม่ว่าบรรพบุรุษของเราในอดีตก็เคยใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติ
การเดินทางมายังกิ่วแม่ปานในครั้งนี้ นอกจากจะได้เห็นภาพความสวยงามจากธรรมชาติแล้วยังได้ประสบการณ์ดีๆ ความรู้มากมายเกี่ยวกับธรรมชาติ มาเที่ยวกันค่ะ แล้วคุณจะหลงรักที่นี่เหมือนกันกับเรา
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจาก “แอ่วดี”
- เวลาเปิด-ปิด กิ่วแม่ปาน 05.00 – 16.00 น.
- ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้มีโรคประจำตัว ความดัน หัวใจ ไม่เหมาะจะมาเดินที่นี่ค่ะ เนื่องจากทางเดินจะค่อนข้างสูงชันและปีนป่ายในบางช่วง
- การแต่งกายควรจะเป็นชุดใส่สบาย กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบ ควรติดเสื้อคลุมมาด้วยเนื่องจากที่นี่จะมีอากาศเย็นตลอดปี ฤดูหนาวควรจะเป็นเสื้อกันหนาว หมวก ผ้าพันคอ
- พกน้ำดื่มใส่กระติก มาจิบให้ชุ่มคอระหว่างเดินป่าได้นะค่ะ อันนี้ประสบการณ์ตรงตอนเดินไม่ได้เตรียมมา คอแห้งมากๆ น้ำดื่มสามารถซื้อได้จากจุดจอดรถหน้ากิ่วแม่ปานค่ะ แต่ต้องไม่ทิ้งขยะในป่านะค่ะ เก็บออกมาด้วยเพื่อความสะอาด ป่าจะได้อยู่กับเราไปนานๆ
- ถ้าเดินออกมาใครหิว ร้านอาหารด้านหน้าจุดจอดรถมีค่ะ ไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียว อร่อยเลยทีเดียว
- นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าเข้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์คนไทย เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท ต่างชาติ 200 บาท
- ค่าไกด์ 200 บาทต่อกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 10 คน
“แอ่วดอยอินทนนท์ มายังไง”
- การเดินทางสะดวกสบายค่ะ จะมาด้วยรถส่วนตัว หรือมอเตอร์ไซด์ก็ได้ไม่ว่ากัน จุดจอดรถก็หน้ากิ่วแม่ปานได้เลย แต่ควรจะขับด้วยความระมัดระวังระค่ะ เนื่องจากทางขึ้นเขาจะค่อนข้างชัน
- ในกรณีที่ไม่มีรถ สามารถขึ้นรถสองแถวจอมทอง(รถเหลือง) ได้ที่หน้าประตูเชียงใหม่ เวลารถออก 00-16.00 หรือรถเมล์เล็ก(รถฟ้า) เชียงใหม่-ดอยเต่า โดยรถจะจอดส่งที่หน้าวัดพระธาตุจอมทอง จากนั้นให้เราต่อรถ จอมทอง-อินทนนท์ ไปยังจุดหมาย
- ในกรณีที่ไม่ชินทางหรือไม่อยากนั่งรถสองแถว จะเช่าเหมารถตู้ก็ได้เช่นกัน ราคาวันละ 1,500-2,000 ไม่รวมน้ำมัน ก็แล้วแต่เราจะตกลงราคากันอีกที
บทความ ปาณิสรา นฤประชา
ภาพ ปาณิสรา vs สรวิชญ์