เที่ยว 3 ด่านเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน ตอนที่ 2 “แอ่วเชียงดาว ชมด่านกิ่วผาวอก”
หากนึกถึงอำเภอเชียงดาว สิ่งแรกที่เรามักคิดถึงนั่นก็คือ “ดอยหลวงเชียงดาวและถ้ำเชียงดาว” แต่ใครจะรู้บ้างว่าเชียงดาวก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ชมและชิมองุ่น ที่ไร่องุ่นนิศาชล แช่น้ำร้อนที่น้ำพุร้อนโป่งอาง กราบนมัสการพระ ณ วัดถ้ำเมืองนะ และพักกายพักใจที่บ้านต้นไม้ เก็บใบเมี่ยงชิมชา สัมผัสไอหมอก นอนนับดาว พร้อมชมวิวดอยหลวงเชียงดาว ฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยอากาศเย็นสบาย ณ เฮือนกิ่งกะหร่า อากาศยามเช้าของเวียงแหงดีซะจนเราไม่อยากที่จะเดินทางต่อ แต่ก็จำใจต้องลาจากหวังว่าโอกาสหน้าเราคงได้มาเยือนที่นี่อีกครั้ง เก็บกระเป๋าเดินทางต่อไปยัง ด่านกิ่วผาวอก ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อร่วมงานพิธีเปิดด่านกิ่วผาวอก เราเองยังไม่เคยไปที่ด่านกิ่วผาวอกมาก่อน แต่เคยได้ยินเรื่องราวของที่นี่มาบ้างถึงการพยายามเปิดด่านในหลายๆครั้ง และที่ด่านนี้เองยังมีการค้าขายที่เกิดขึ้นอย่างคึกคักโดยได้รับความสนใจจากประชาชนทั้งในฝั่งไทยและฝั่งพม่า แต่สินค้าขายจากฝั่งไทยฝั่งเดียวนะ ถ้าคนที่ไม่เคยมาอาจจะคิดว่าคล้ายกับฝั่งท่าขี้เหล็ก อ.แม่สาย จ.เชียงราย หล่ะก็ ไม่ใช่นะ การค้าขายสินค้าจะเกิดขึ้นนานๆครั้ง แต่ก็ทำให้ที่นี่คึกคักขึ้นได้ไม่น้อย แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ถ้าประเทศพม่าสามารถจัดการกับปัญหาระหว่างชนกลุ่มน้อยได้ ความหวังของการเปิดด่านและการท่องเที่ยวที่นี่ก็มีสิทธิ์ลุ้นไม่น้อยเลยค่ะ
จากนั้นเราก็ได้เดินทางต่อไปยังโครงการหลวงหนองเขียว ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว ซึ่งที่นี่เองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่9 ได้ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรชาวเขาหมู่บ้านสามัคคีใหม่เมื่อปี พ.ศ.2523 และได้ทรงพระกรุณารับหมู่บ้านแห่งนี้ไว้ในการดูแลของโครงการหลวง ต่อมาจึงได้จัดตั้งเป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขึ้น โดยที่นี่มีหลากหลายชนเผ่า อาทิ เผ่าลาหู่ เผ่าลัวะ เผ่าอาข่า และเผ่าคะฉิ่น ซึ่งที่นี่ได้ส่งเสริมให้ชาวบ้านได้ปลูกไม้ผลและไม้ดอก ว่านสี่ทิศและดอกกลอลิโอรา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ดอกดึง เสร็จจากการเดินเยี่ยมชม เราก็แวะรับประทานอาหารที่ขึ้นชื่อของบ้านอรุโณทัย นั่นก็คือบะหมี่ เกี๊ยวซ่า สูตรยูนนาน จากร้านตันหยง ซึ่งบะหมี่ของที่นี่เค้าจะทำเอง เส้นจะคล้ายกับข้าวซอยและที่ถูกปากเรามากที่สุดเห็นจะเป็นเกี๊ยวซ่า ซึ่งจะเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มสูตรยูนนาน โดยภายในน้ำจิ้มจะมีขิงซอยเพิ่มรสชาติด้วยพริกคั่วน้ำมันกับถั่วป่น อร่อยอย่าบอกใคร นึกถึงทีไรก็อยากกินอีกทุกที…
อร่อยจนพุงขยายเพิ่มขึ้นนิดหน่อย เราก็เดินทางกันต่อไปยังไร่องุ่นนิศาชล ซึ่งเป็นจุดถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรด้านการท่องเที่ยว ของตำบลเมืองนะ มาถึงยังที่นี่ก็ได้รับการต้อนรับด้วย เมล่อนญี่ปุ่นกับองุ่นหน้าตาหน้าทานเชียวค่ะ อิ่มจากเกี๊ยวซ่าบ้านอรุโณทัยยังกินได้อีกนะเราเนี้ย!! เดินชมสวนองุ่นพร้อมฟังความเป็นมาของที่นี่
จากนั้นก็เดินทางไป นมัสการหลวงตาม้า แห่งวัดถ้ำเมืองนะ และโชคดีของเราที่ได้มีโอกาสพบกับหลวงตาพอดี แถมยังได้เครื่องรางของขลังติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย ว่ากันว่าบางคนมาเยือนวัดแห่งนี้หลายครั้งมากแต่ไม่มีโอกาสได้พบกับหลวงตาเลย เดินชมวัดพอประมาณเราก็กราบลาหลวงตาเพื่อเดินทางกันต่อ
จากนั้นก็ไปแช่น้ำร้อน ณ น้ำพุร้อนโป่งอาง ถึงแม้นเวลาจะมีไม่มากแต่เราก็ยังได้นั่งแช่เท้าชิวๆฟินๆ…น้ำพุร้อนโป่งอาง เป็นบ่อน้ำร้อนที่ผุดมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ มีจำนวน 2 บ่อ แต่ละบ่อกว้างประมาณ 4-5 เมตร อุณหภูมิที่ผิวน้ำประมาณ 58 – 64 องศา และมีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ
จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า คำว่า “โป่ง” เป็นภาษาท้องถิ่นหมายความว่า ที่บริเวณนี้มักจะมีสัตว์ป่า เช่น วัวแดง กวาง หมูป่า และนกหลากหลายสายพันธุ์ เข้ามากินน้ำและดินที่โป่งเป็นประจำ ส่วนคำว่า “อาง” เป็นภาษาไทใหญ่ หมายถึง ยันต์ มีคนพบเห็นกวางทอง ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นกวางศักดิ์สิทธิ์มาปรากฎตัวอยู่เป็นประจำ แต่ชาวบ้านไม่สามารถจับกวางทองตัวนี้ได้ เพื่อค้นหากวางทองตัวนี้นายพรานผู้หนึ่งจึงได้ทำพิธีสลักคาถา (ลงยันต์) อักขระโบราณ และรูปสัตว์ป่าต่างๆเป็นตัวนูนต่ำบนแผ่นหินสีน้ำตาลแดง ชาวบ้านจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “โป่งอาง” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงนายพรานคนนั้นจับกวางทองได้หรือไม่ เพราะตำนานกล่าวไว้ถึงเพียงเท่านี้
นั่งแช่เท้าจนได้เหงื่อนิดๆ พอได้ผ่อนคลายจากการเดินทางไปโน่นมานี่ เราก็เดินทางเข้าที่พัก โดยเราได้พักยังที่นี่ “บ้านต้นไม้” แห่งหมู่บ้านแม่แมะ ซึ่งที่นี่เองที่เราใฝ่ฝันถึง อยากมาสัมผัสที่นี่สักครั้งเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้มาสักทีว่ากันว่าบ้านทุกหลังของที่นี่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่งนักและยังคงความเป็นธรรมชาติ โดยมีวิถีชีวิตชุมชนที่เข้มแข็ง การเดินทางมายังที่นี่ค่อนข้างลำบากพอสมควรเนื่องจากเส้นทางเป็นหุบเขาสูงชัน ถนนบางช่วงเล็กและแคบ การมาเยือนยังที่นี่ควรอาศัยการขับรถที่ค่อนข้างชำนาญเส้นทางและรถที่สภาพค่อนข้างดีพอสมควร แต่การมาถึงในครั้งนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังแต่อย่างใด
เพราะอากาศที่นี่ดีมากๆ แถมบ้านแต่ละหลังถึงแม้จะไม่ได้สร้างด้วยสิ่งปลูกสร้างใหญ่โต บางหลังสร้างจากไม้หลังเล็กๆ แต่ทุกหลังก็มีลานหน้าบ้านไว้ชมวิวแทบจะทุกหลังค่ะ วิวด้านหน้าของบ้านจะเป็นต้นไม้ ป่าเขา ท้องฟ้า สายลมและสองเรา(อ๊ะ!!ไม่ใช่ มากันหลายคน) บรรยากาศช่างเป็นใจ..จนมโนไปไกล
ตื่นเต้นจนไม่รู้จะเดินไปทางไหน แต่มีสถานที่หนึ่งที่เรามองหา นั่นก็คือ โถงกว้างๆของ “บ้านต้นไม้” ที่เราเห็นจากในภาพถ่าย ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูป ณ จุดนี้ เดินตามหาอยู่นานในที่สุดเราก็เจอ เห็นครั้งแรกเราก็ได้แต่ยืนตะลึง ในภาพอาจจะสวยไม่เท่าสองตาของเราที่ได้เห็นเอง ทำให้เรานึกถึงตัวเราในอดีตที่ครั้งหนึ่งเราเคยดั้นด้นไปยังสถานที่ที่หนึ่งที่เราเคยเห็นจากภาพถ่ายเพียงภาพเดียว แต่เหมือนมีแรงดึงดูดให้เราอยากไปเห็นด้วยตาของตัวเราเองสักครั้ง โถงกว้างๆที่ว่าของที่นี่ เค้ามีไว้ให้ผู้ที่มาพักได้ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรับประทานอาหาร นวดแผนโบราณ(บริการโดยชาวบ้าน) ซึ่งการนวดในครั้งนี้ก็ทำเราโอดครวญไปไม่น้อย อาจจะเพราะไม่ชินหรือเพราะอายุยังน้อย(เกี่ยวมั้ยเนี้ย!!)….แต่นวดแล้วสบายตัว เดินตัวปลิวกันเลยทีเดียว คืนนี้เราก็เลยหลับสบาย นอนนับดาวนับเลขกันไป
ติดตามอ่าน เที่ยว 3 ด่านเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน ตอนที่ 2.1 “แอ่วเชียงดาว ชมด่านกิ่วผาวอก” ได้เร็วๆนี้ค่ะ!!
ขอบคุณสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ที่ให้โอกาสเราได้เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์การการเดินทางท่องเที่ยวที่แสนประทับใจนี้
ติดต่อสอบถามข้อมูลที่พักและร้านอาหาร
- บริการบ้านพักและลานกางเต็นท์ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว
ติดต่อได้ที่ 053-045600 , 082-1834954
- สวนองุ่นนิศาชล ติดต่อได้ที่ 087-1800100
- ร้านอาหารต้าหลง บ้านอรุโณทัย 45 ม.10 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่(ร้านจะอยู่ตรงข้ามกับ So Good Super Mart) เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 00 – 18.00 น. ติดต่อได้ที่ 086-1934569,089-0633557,089-8166802
ภาพและบทความ ปาณิสรา นฤประชา